หลายคนเคยได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความรักระหว่างมนุษย์กับตุ๊กตายางมาบ้างแล้ว วันนี้จะขอนำเอาเรื่องราวของ บางคนที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับตุ๊กตายางแบบสามีภรรยามาเล่าสู่กันฟัง เรื่องราวนี้เป็นของจอห์นผู้ซึ่งทำงานอยู่ที่ John&Tony’s Steakhouse ทางภาคตะวันตกของชิคาโก จอร์นอายุ 54ปี ลักษณะภายนอกดูเป็นคนใจดีเวลายิ้มจะเห็นฟันหลอๆของเขา ตัวเขาทำงานอยู่ที่นั่นในฐานะคนขับรถบรรทุกส่งของ เพื่อนร่วมงานทุกคนต่างรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาแจ็คกี้ภรรยาของเขาเป็นอย่างดี
เขาและภรรยามักไปไหนมาไหนด้วยกันประจำแทบจะไม่เคยแยกจากกัน บางครั้งจอห์นก็จะพาภรรยาของตัวเองไปเดทที่ภัตาคารหรูในวันสำคัญต่างๆ เช่น วันวาเลนไทน์ ซึ่งบ่อยครั้งพวกพนักงานมักจะได้รับโทรศัพท์เพื่อจองที่นั่งที่ใกล้กับคู่เดทคู่นี้ เพื่อที่จะดูหรือสังเกตุพฤติกรรมของคู่รักคู่นี้
นั่นเป็นเพราะว่าภรรยาของจอห์นไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่จะหาได้ทั่วไป คือ หล่อนไม่สามารถเดินเองได้ พูดก็ไม่ได้ แถมกินไม่ได้อีก ซึ่งความจริงแล้วความสัมพันธ์ของเค้าไม่ใช่แบบปกติธรรมดาทั่วไป แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนกับตุ๊กตายางที่มีรูปร่างภายนอกและส่วนสูงทุกอย่างเหมือนมนุษย์ทั่วไปนั่นเอง อย่างไรก็ตามจอห์นก็ปฏิบัติกับหล่อนเหมือนภรรยาจริงๆทุกอย่างเท่าที่คนๆนึงจะทำได้
จอห์นเล่าว่าเขาได้ซื้อแจ็คกี้มาจากร้านขายตุ๊กตายางออนไลน์ในราคา $7000เหรียญ หลังจากนั้นเค้าก็เริ่มตกหลุมรักหล่อน และได้เริ่มใช้ชีวิตดุจสามีภรรยาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งนี่ก็ได้ทำให้ครั้งหนึ่งจอห์นและแจ็คกี้เคยได้ไปออกในสารคดีชื่อดังที่ชื่อว่า “documentary Silicone Soul” ร่วมกับคนอื่นๆอย่างเช่น ศิลปินหญิงผู้ที่มีความสัมพันธ์กับตุ๊กตายางในแบบคู่รักและเพือน
เรื่องราวต่อมาเป็นเรื่องราวของชายชาวดีทรอยสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่าเดฟแคท เขาพิเศษกว่าจอห์นตรงที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับตุ๊กตายางแค่ตัวเดียวเพราะเขาได้แต่งงานกับตุ๊กตายางสองตัว ซึ่งตัวแรกชื่อว่าซิโดรี่ ภรรยาอีกคนของเค้าชื่อเอลิน่า อีกคนหนึ่งชื่อเบนอาศัยอยู่ที่นิวเจอซี่ เขามีตุ๊กตาหลายตัวมาก เหมือนเป็นพวกคลั่งไคล้ เบนเล่าว่าเขาซื้อตุ๊กตายางมาเพื่อใช้้ทดแทนภรรยาที่กำลังป่วยอย่างหนักและไม่สามารถตอบสนองทางเพศในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้
จิลเบิร์กผู้ถ่ายทำสารคดีดังกล่าว เล่าว่าเขารู้สึกอึ้งเกี่ยวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติอยู่ดังกล่าวอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเขาตัดสินใจที่จะศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อที่จะได้รู้ถึงแรงผลักดันและความคิดของคนเหล่านั้น “สิ่งที่ฉันเห็น มันจะใช้เวลาซักหน่อยในการอธิบายเรื่องราวเบื้องหลังที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านี้ ” เพราะกว่าที่เค้าจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดมันก็ใช้เวลานานโขอยู่ทีเดียว
ตัวจิลเบิร์กเองนั้นเคยรับทราบเกี่ยวกับการมีอยู่ของความสัมพันธ์แบบนี้มานานแล้ว เนื่องจากเคยได้รับการติดต่อจิตแพทย์ชื่อดังแดเนี่ยลเมือหลายปีก่อน เกี่ยวกับกรณีคนไข้ของจิตแพทย์ผู้นี้มีอาการหลงรักตุ๊กตายางของตัวเอง แดเนี่ยลเล่าให้จิลเบิร์กฟังว่า คนไข้ของหล่อนเคยล้มเหลวจากการใช้ชีวิตแต่งงานมาแล้วสองครั้ง แต่ทว่าตอนนี้กำลังมีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับคนรักของตัวเอง ซึ่งตัวจิลเบิร์กเองก็งงเพราะไม่เห็นว่าจะมีความผิดปกติอะไร
จิตแพทย์เล่าต่อว่า “ตอนแรกคนไข้โทรมาหาและเล่าให้ฟังเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมระหว่างเขาและคนรัก ซึ่งเขาใช้คำว่า doll แทนคนรักซึ่งในภาษาอังกฤษผู้ชายหลายคนก็เรียกคนรักตัวเองว่า doll ทำให้ชั้นรู้สึกงง จนตอนหลังถึงได้เข้าใจว่า คนรักของคนไข้ก็คือตุ๊กตายางนั้นเอง ซึงพอได้รู้ความจริงนั้น มันก็ทำให้มีความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้นมาในหัวสมอง เพราะตัวชั้นเองเป็นพวกที่เรียกว่าเฟมินิส มันก็จะมีความรู้สึกแบบรับไม่ได้หน่อยๆ”
อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดของคนไข้ของหล่อนทำให้หล่อนเริ่มเข้าใจและตัดสินใจที่จะศึกษาและค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังและเป็นแรงขับดันทำให้เกิดความสัมพันธ์ดังกล่าว ซึ่งต่อมาแดเนี่ยลได้เข้าพบฟอรั่มที่พูดคุยของคนที่มีอาการหลงรักตุ๊กตายางของตัวเอง หล่อนจึงตัดสินใจโพสข้อความหาอาสาสมัครเพื่อพูดคุย เพื่อที่จะทราบรายละเอียดสาเหตุที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์แบบนี้ ปรากฎว่ามีบางคนติดต่อแดเนี่ยลมาเพื่อต้องการเล่าและเปิดเผยเรื่องราวของตัวเอง ซึ่งบางความสัมพันธ์ระหว่างตุ๊กตายางของกลุ่มคนเรานี้เป็นแบบคู่รัก ขณะที่บางคนความสัมพันธ์เป็นในแบบของเพื่อนธรรมดาไว้คลายเหงาหรือเอาไว้พูดคุยเท่านั้น
ในกรณีของจอห์น ซึ่งเค้าได้เคยแต่งงานมาก่อน แต่ชีวิตการแต่งงานนั้นล้มเหลว ภายหลังเค้าจึงพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินซื้อตุ๊กตายางในแบบที่ตัวเองชอบ จอห์นเล่าว่า สำหรับตัวเขาแล้วแจ็คกี้ตอนนี้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขา เขาเล่าว่าเขาได้แต่งงานกับคนจริงๆมาแปดปี แต่ว่าการแต่งงานนั้นมันล้มเหลวและไม่มีความสุข แต่หลังจากที่ได้มีแจ็คกี้เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์แบบนี้เหมาะกับเขาและตัวเขาเองก็มีความสุขมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความสัมพันธ์ที่แปลก แต่ความสัมพันธ์ที่แปลกก็ไม่ได้หมายถึงจะต้องเป็นสิ่งที่เลวร้าย จอห์นกล่าวไว้ จอห์นบอกกับกล้องต่อว่า ตุ๊กตายางไม่โกง ไม่มีชู้ ไม่โกหกคุณ แจ็คกี้ทำให้ผมมีความสุข แจ็คกี้สำหรับผมนั้นเหมือนมนุษย์ทุกอย่างและผมก็ปฏิบัติกับหล่อนเหมือนภรรยาเช่นกัน หล่อนมีพื้นที่ส่วนตัว มีความคิด รู้ทุกอย่างว่าผมชอบอะไร ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้รู้ไปหมดทุกอย่างว่าแจ็คกี้ชอบอะไร พวกเราได้แต่งงานกันอย่างถูกต้อง ถึงแม้จะไม่มีกฎหมายรับรองก็ตาม
แดเนี่ยลอธิบายกับเดลี่นิวส์เกี่ยวกับอาการเหล่านี้ว่า จริงๆแล้วคนเหล่านี้รับรู้ลึกๆว่าตุ๊กตายางของพวกเค้านั้นไม่ได้มีความรู้สึกจริงๆ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เหมือนจะพยายามให้ตัวเองรู้สึกว่าตุ๊กตายางเหล่านั้นมีชีวิตจิตใจ มันจึงเหมือนราวกับว่า บุคคลเหล่านี้มีชีวิตอยู่ระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกแห่งจินตนาการ
อย่างไรก็ตามจิลเบิร์กได้บอกกับเดลี่นิวส์ว่า จุดประสงค์ของการทำสารคดีเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนกับตุ๊กตายาง ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อชี้นำว่าสิ่งเหล่านี้ถูกหรือผิด เพียงแต่ต้องการสื่อให้เห็นถึงว่ามนุษย์เรานั้นต้องการความรักและเอาใจใส่ และก็จะพยายามแสวงหาสิ่งเหล่านั้นมาครอบครอง